11 พฤศจิกายน 2024
7 วิธีจัดการเวลา เปลี่ยนจาก "ไม่มีเวลา" สู่ "มีเวลาทำสิ่งที่รัก"
การเงิน

7 วิธีจัดการเวลา เปลี่ยนจาก “ไม่มีเวลา” สู่ “มีเวลาทำสิ่งที่รัก”

ในชีวิตประจำวันที่ผู้คนต่างวุ่นวายกับการทำงานและภาระหน้าที่ต่างๆ หลายคนมักบ่นว่า “ไม่มีเวลา” จนละเลยการใช้ชีวิตและไม่ได้ทำในสิ่งที่รัก แต่ความจริงนั้นหากคุณจัดการบริหารจัดการเวลาให้ดี คุณสามารถเปลี่ยนจากคนที่ “ไม่มีเวลา” ไปเป็นคนที่ “มีเวลาทำในสิ่งที่รัก” และมีเวลาพักผ่อนได้ ดังนั้นเรามาดู 7 วิธีจัดการเวลาที่จะช่วยให้คุณมีชีวิตที่สมดุลมากขึ้นกัน

1. จัดลำดับความสำคัญ 

ก่อนอื่นให้คุณแยกแยะก่อนว่าอะไรสำคัญจริง ๆ ในชีวิตคุณ โดยเขียนสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันแล้วจัดลำดับความสำคัญก่อน – หลัง โดยใช้เทคนิค Eisenhower Matrix ดังนี้

  • Urgent and important: งานที่เร่งด่วนและสำคัญ เป็นงานที่ต้องรีบทำทันที 
  • Important, but not urgent: งานสำคัญ แต่ไม่เร่งด่วน เป็นงานที่ไม่ต้องทำทันที แต่ต้องมีการวางแผนและจัดสรรเวลาในการทำงาน
  • Urgent, but not important: งานที่เร่งด่วน แต่ไม่สำคัญ เป็นงานที่สามารถส่งต่อให้คนอื่นทำได้ หรือเก็บไว้ทำเองหลังจากที่งานเร่งด่วนและสำคัญเสร็จแล้วทั้งหมด
  • Neither urgent not important: งานที่ไม่เร่งด่วนและไม่สำคัญ เป็นงานที่เก็บไว้ทำลำดับท้ายสุด หรือไม่จำเป็นต้องทำก็ได้

ทั้งนี้ การจัดลำดับความสำคัญไม่ใช่เพียงแค่การจัดลำดับรายการต่างๆ แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องอาศัยการไตร่ตรอง การวิเคราะห์ และการปรับเปลี่ยน เมื่อคุณฝึกฝนทักษะนี้ คุณจะจัดการเวลาได้ดีขึ้น และสามารถก้าวไปสู่เป้าหมายของการมีเวลาทำในสิ่งที่รักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

2. กำหนดกิจวัตรประจำวันให้ชัดเจน

การกำหนดเวลาตื่นนอน เวลาทำงาน เวลาออกกำลังกาย รวมไปถึงเวลาพักผ่อนที่แน่นอน จะช่วยให้คุณใช้เวลาในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจเริ่มต้นด้วยการกำหนดเวลาตื่นนอน พยายามตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน แม้แต่ในวันหยุด เพื่อรักษาจังหวะเวลาชีวิตและร่างกาย อีกทั้งการตื่นเช้าจะช่วยให้มีเวลาสำหรับกิจกรรมส่วนตัวก่อนเริ่มการทำงานมากขึ้น เช่น การทำสมาธิ การออกกำลังกายเบาๆ หรือการอ่านหนังสือ  

3. กำหนดเวลาทำงานที่ชัดเจน 

การกำหนดกรอบเวลาการทำงานที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณมีสมาธิและทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเมื่อรู้ว่ามีเวลาจำกัด สมองจะโฟกัสกับงานได้ดีขึ้น และลดการเสียสมาธิจากสิ่งรบกวนรอบข้าง นอกจากนี้ คุณยังสามารถวางแผนงานล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณทำงานเสร็จตรงตามกำหนดและมีเวลาเหลือสำหรับทำกิจกรรมอื่นๆ

4. ลดเวลาที่สูญเปล่า 

ให้คุณลองสังเกตว่าใช้เวลาไปกับอะไรบ้างในแต่ละวัน แล้วลองลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นหรือไม่สร้างคุณค่า เช่น การเล่นโซเชียลมีเดียมากเกินไป โดยอาจตั้งเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงและวัดผลได้ เช่น แทนที่จะเล่นโซเชียลมีเดีย 30 นาทีก่อนนอน ลองเปลี่ยนเป็นการอ่านหนังสือหรือเขียนบันทึกประจำวันแทน เมื่อคุณเริ่มลดเวลาที่สูญเปล่าเหล่านี้ คุณจะพบว่าคุณมีเวลามากขึ้นสำหรับสิ่งที่สำคัญจริงๆ ในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาตนเอง การได้พักผ่อนมากขึ้น ได้ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อน หรือการทำงานอดิเรกที่คุณรัก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ เหล่านี้ สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในคุณภาพชีวิตโดยรวมได้

5. ใช้เครื่องมือบริหารจัดการเวลา 

ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันและเครื่องมือจัดการเวลาที่ช่วยในการวางแผนและติดตามงานมากมาย เช่น แอปปฏิทินที่ช่วยจัดตารางเวลา ตั้งการแจ้งเตือน และประสานงานกับทีม แอปจดบันทึกที่ช่วยบันทึกไอเดียหรืองานที่ต้องทำได้อย่างรวดเร็ว การลองใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้ จะช่วยให้คุณจัดการเวลาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

6. เรียนรู้การปฏิเสธ 

การเรียนรู้ที่จะปฏิเสธไม่ได้หมายความว่าคุณจะปิดกั้นโอกาสทั้งหมด แต่เป็นการเลือกอย่างชาญฉลาดว่าอะไรคุ้มค่ากับเวลาและพลังงานของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องรับทุกงานหรือทุกการนัดหมาย ควรเรียนรู้ที่จะปฏิเสธอย่างสุภาพ เพื่อรักษาเวลาสำหรับสิ่งที่สำคัญจริงๆ แล้วคุณจะพบว่าตัวเองมีเวลามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว สุขภาพ เป้าหมายส่วนตัว หรืออาชีพการงาน

7. ให้รางวัลกับตัวเอง 

เมื่อทำงานสำเร็จตามเป้าหมาย การให้รางวัลกับตัวเองด้วยการทำสิ่งที่ชอบจะช่วยสร้างแรงจูงใจในการทำงานต่อไป โดยรางวัลนี้อาจเป็นอะไรก็ได้ที่ทำให้คุณมีความสุข เช่น การดูภาพยนตร์เรื่องโปรด การรับประทานอาหารอร่อยๆ การซื้อของที่อยากได้มานาน หรือแม้แต่การใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่

ข้อดีของการให้เวลาตัวเองได้พักผ่อนมีอะไรบ้าง

  • ช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้ผ่อนคลาย ลดความเครียดสะสม
  • ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ เปิดมุมมองใหม่ๆ
  • ช่วยสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว
  • ได้มีเวลาพัฒนาทักษะใหม่ที่สนใจ
  • ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์กับครอบครัวและเพื่อนฝูง
  • การพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ลดความเสี่ยงของภาวะหมดไฟ ป้องกันภาวะเหนื่อยล้า และหมดแรงจูงใจในการทำงาน
  • ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเครียดและซึมเศร้า

บัตรกดเงินสดยูเมะพลัส ตัวช่วยทางการเงินที่ช่วยให้คุณจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณมีเวลาทำในสิ่งที่รักได้มากขึ้น ไม่ว่าจะกิน ท่องเที่ยว หรือชอปปิง ด้วยสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งสามารถเบิกถอนเงินสดในอัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นเพียง 19.8% ต่อปี พร้อมกดเงินสดในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% นานถึง 30 วัน* ที่สำคัญสามารถผ่อนสินค้าในอัตราดอกเบี้ย 0% นานสูงสุดถึง 20 เดือน** (*ขึ้นอยู่กับโปรโมชันในแต่ละช่วงเวลา) ร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำและร้านค้าที่ร่วมรายการที่มีสัญลักษณ์ Umay+ ทั่วประเทศ 

สำหรับท่านใดที่สนใจสามารถสมัครบัตรกดเงินสดยูเมะพลัสได้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่  https://www.umayplus.com/cashcard/applyform หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-695-0000

หมายเหตุ:

*เพียงมียอดเบิกถอนเงินสดภายใน 30 วันหลังจากได้รับการอนุมัติ (เฉพาะยอดเบิกถอนภายในวันแรก สำหรับลูกค้าใหม่) หลังจบรายการส่งเสริมการขายอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยปกติสำหรับการกดเงินสด 19.8% – 25% ต่อปี 

**อัตราดอกเบี้ยปกติสำหรับการผ่อนชำระ 15.12% – 25% ต่อปี, ดูเงื่อนไขได้ที่เว็บไซต์ยูเมะพลัส, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า